นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก จะมีการพิจารณาการปรับลดราคาไฟฟ้า และน้ำมัน ว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและทำได้ทันใจกับสิ่งที่ประชาชนได้คาดหวังไว้ ตามที่ได้มีการหาเสียงในช่วงการเลือกตั้ง ส่วนจะลดลงอย่างไรและอัตราใดนั้น คงต้องรอดูความชัดเจน แต่แนวทางดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการลดค่าครองชีพของประชาชน และต้นทุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) อย่างไรก็ตามเห็นว่าควรจะทำคู่ขนานไปกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงปลายปีนี้
“ส.อ.ท. เองได้เคยเรียกร้องมา 6-7 เดือนแล้ว ถึงกรณีค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ที่อยากให้ทบทวนที่จะไม่ปรับตัวสูงเกินไป เพราะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังบั่นทอนขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยด้วย เพราะหากเทียบกับคู่แข่งทางการค้าที่ส่งออกสินค้าประเภทเดียวกัน เมื่อต้นทุนสูงกว่าย่อมเสียเปรียบ” นายเกรียงไกร กล่าว
ทั้งนี้ภาคการผลิตที่ผ่านมา เมื่อมีต้นทุนสูงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องปรับราคาสินค้า ซึ่งสุดท้ายก็กระทบกับค่าครองชีพประชาชน การลดค่าพลังงานจึงนับเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอและเป็นการแก้ไขปัญหาปากท้องชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญเมื่อมีการปรับลดค่าพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่เป็นน้ำมันเศรษฐกิจที่ใช้มากสุด และยังมีผลต่อต้นทุนการขนส่งภาครัฐ ก็จำเป็นต้องดูแลราคาสินค้าให้มีการปรับราคาอย่างเหมาะสมประกอบด้วย โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปี 2566 ที่เหลือเพียง 4 เดือนนี้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับแรงงาน นายเกรียงไกร กล่าวว่า ไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะแง่ของผู้ประกอบการคือการเพิ่มรายจ่ายที่มากขึ้น และท้ายสุดก็จะกระทบต่อแรงงาน เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนรวมของผู้ประกอบการได้ปรับตัวสูง ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาวัตถุดิบ ฯลฯ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกและไทยที่ชะลอตัว โดยเฉพาะจากหนี้ครัวเรือนของไทยที่สูง ที่ทำให้การส่งออกและการขายสินค้ามีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง