วันที่ 15 ม.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เห็นว่าดอกเบี้ยไทยสูงเกินไป และกำไรธนาคารพาณิชย์สูง ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนนั้น ธปท. เตรียมเรียกธนาคารพาณิชย์เข้ามาหารือ ซึ่งที่ผ่านมาได้คุยตลอดเวลาและต้องคุยมากยิ่งขึ้น เพื่อดูแลลูกหนี้ให้มากกว่านี้ ต้องทำให้ธนาคารทำมากกว่านี้ เช่น คนกลุ่มเปราะบาง หรือคนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินกู้ เป็นคนละกลุ่มกับเงินฝาก และแม้แต่ต้นทุนดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายต่างๆ
ทั้งนี้ เรื่องกำไรธนาคารพาณิชย์ คิดว่าหลายส่วนได้ชี้แจงแล้ว ซึ่งเรื่องส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยนั้นมองว่าเป็นกลไกตลาด ที่ผ่านมาการส่งผ่านดอกเบี้ยเงินฝากน้อย โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ แม้เงินฝากประจำช่วงหนึ่งสูง ขณะที่การส่งผ่านดอกเบี้ยเงินฝากมีสัดส่วน 63% ส่วนปัจจุบันหลายธนาคารเริ่มขยับเงินฝากมากขึ้น และธนาคารยังเป็นการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน ซึ่ง ธปท. ต้องเข้าไปดูไม่ให้ธนาคารคิดดอกเบี้ยทบเงินต้น จะทำให้รายรับดอกเบี้ยของธนาคารลดลงเช่นกัน
สำหรับส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 2.95% สูงขึ้นก่อนโควิด แต่ไม่ได้สะท้อนค่าใช้จ่ายอีกหลายตัวในการประกอบธุรกิจ การลงทุน และค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องเข้าไปดูว่าการไม่มีประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจหรือไม่ ซึ่งสามารถปรับลดส่วนต่างตรงนี้ได้ ให้มีแนวทางยั่งยืนกว่านี้ โดยต้องดูการแข่งขันโดยรวมระยะยาว ขณะที่เรื่องการตัดดอกเบี้ยบ้านทบเงินต้น เพราะดอกเบี้ยขึ้นสูงนั้น สินเชื่อบ้านจะตัดดอกเบี้ยสูงในช่วงแรก และจะลดลงเมื่อเงินต้นลด ดอกเบี้ยก็จะลดลง แต่ที่ผ่านมา รายได้ลูกหนี้ปรับไม่ทัน ถ้าไม่สามารถจ่ายค่างวดได้ ให้รีบเจรจาดูค่างวดและดอกเบี้ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“การปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมา พยายามดูแลผลกระทบไม่ให้เร็วและไม่ให้แรง และยังคงมีมาตรการดูแลลูกหนี้เฉพาะจุด ซึ่งยอมรับกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่พยายามทำให้การส่งผ่านดอกเบี้ยไปธนาคาร ระมัดระวังส่งผ่านไปดอกเบี้ยเงินกู้ โดยเฉพาะเอ็มอาร์อาร์ เป็นดอกเบี้ยคิดกับรายย่อยและเอสเอ็มอี ในครั้งนี้การส่งผ่านเอ็มอาร์อาร์ 49% แต่ในอดีต 58% เช่น ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 2% เอ็มอาร์อาร์จะขึ้น 1% ในบางประเทศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 1% เอ็มอาร์อาร์จะขึ้น 1%”